อันที่จริงการที่ ทีมของชาติไทย ไม่ไปร่วมลงแข่งขัน ใน งาน ชิงแชมป์โลกนั้น เป็นเรื่องที่น่าวิตกยิ่ง คู่แข่ง ชาวเอเชีย เช่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลี และ ประเทศญี่ปุ่น นั้นได้พากันไปเก็บเอาประสบการณ์ทางด้านการแข่งขันกันมา แบบที่การทำการฝึกซ้อมเดี่ยวในประเทศของตัวเองยังไม่สามารถจะนำมาวัดได้ดีเท่า ดังนั้นทั้ง ชาวจีน ชาวเกาหลี และชาวญี่ปุ่น จึงติดอันดับทิ้งระยะห่างจากชาวไทยเยอะมาก จนกว่า เอเอฟเอที จะจัดระบบ วินัย ของการเป็นผู้นำให้เข้าที่เสียก่อน รายชื่ออันดับของผู้ทำคะแนนนำปัจจุบันนั้น ก็รอดูกันในหน้าอินเตอร์เนทเป็นเดือนแล้วยังไม่เสร็จ ความแข็งแรงของ ประเทศไทย ถ้าแสดงตัวเอง อยู่ในระดับกล่องของนานาชาติ และที่นั่นคือทางไม่ดีจะไม่มี ในการแข่งขันประเภทเดี่ยวนั้น ต้องขอบคุณที่มี โคธนี่ และ ปานจันทร์ จึงทำให้ไม่ดูมืดมัวเท่าไหร่นัก กับการอยู่มาเป็นอันดับที่ 24 ของรายชื่ออันดับโลก และชาวเอเชียที่สามารถทำได้ดีที่สุดนั้น ทำให้ชาวไทย วิลลี่ โคธนี่ มีโอกาสที่ดีเหมาะสมที่จะไปลงเข้าร่วมแข่งขัน งาน โอลิมปิก แต่ว่าเขาจะต้องรักษาอันดับของตัวเองเอาไว้หรือว่าต้องทำให้ได้อันดับที่ดีไปกว่านี้ การปล่อยโอกาส ยกเว้นการให้ไปร่วมลงเข้าแข่งขัน เวิร์ลคัพ ถึงสองครั้ง (อเมริกา/คูบา) แบบฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมานั้นไม่เป็นผลดี และเอเอฟเอทีก็ไม่ควรจะทำแบบนั้น เพราะมันจะทำให้ วิลลี่ พลาดโอกาส ในการจะไปลงเข้าร่วมแข่งขัน โอลิมปิกไปด้วย ซึ่งดูเหมือนว่ารั้วที่กั้น โคธนี่ ที่จะดำเนินการขอใบอนุญาตลงแข่งขัน จากไอโอซี จะสูงมากเหลือเกิน เพราะการดำเนินการนี้ได้ยืดเยื้อมาจนเกือบจะครบ 2 ปีแล้ว โดยที่ไม่มีทีท่าการเริ่ม จาก เอเอฟเอที หรือ เอ็นโอซี แต่อย่างใด การดำเนินการนี้นั้นจะทำได้ก็จาก เอเอฟเอที และ เอ็นโอซี ของ ประเทศไทยเท่านั้น ที่จะยื่นคำร้องในฐานะตัวแทนนักกีฬาของประเทศ นนทพัฒน์ ปานจันทร์ ก็มีโอกาสที่ดีที่ กรุงเอเธนส์ ประเทศจีนพร้อมทีมก็เตรียมพร้อมอย่างเหมาะสมกับ การแข่งขันชิงแชมป์โลก และ งานแข่งขัน โอลิมปิก ซึ่งประเทศเกาหลีนั้นเตรียมลงแข่งขันอย่างประเภททีมที่มาจาก ทวีปเอเชีย ถ้าหาก ชาวญี่ปุ่น โอคาซากิ นาวโท่ ที่อยู่ใน อันดับที่ 53 ทำได้ดีที่สุดแล้ว นนทพัฒน์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 86 ก็จะเป็นผู้ที่ทำได้ดีที่สุดคนที่สอง ของชาวเอเชีย ที่อยู่ในรายชื่ออันดับโลก ที่จะไป ลงแข่งที่ กรุงเอเธนส์ สำหรับ นนทพัฒน์ ก็เช่นเดียวกันกับ วิลลี่ การที่เขาได้ไปลงแข่งขัน ในงาน เวิร์ลคัพที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ในช่วงฤดูการ แข่งขัน โอลิมปิก นั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะยังมี ชาวญี่ปุ่นคนต่อไปที่อยู่ในลักษณะดักซุ่มอยู่ หาก วิลลี่ และ นน ต้องการรักษาโอกาส ในการไปลงแข่งขัน โอลิมปิก ไว้ ก็จะต้องให้นักกีฬาการพักการศึกษาได้หนึ่งเทอม อะไรที่เด่นชัด โคธนี่ และ ปานจันทร์ จัดได้ว่าเป็นนักดาบฝีมือพอใช้ได้ ในรายชื่อของอันดับโลก ซึ่งได้ฝึกซ้อมการฟันดาบจากต่างประเทศ นั่นสรุปได้ไม่ยากเลยว่า ที่ผ่านมานั้นระบบของ ประเทศไทย ยังไม่จัดอยู่ในลักษณะสแตนดาร์ดของนานาชาติ ปัญหาก็คือ ทั้ง โคธนี่ และ ปานจันทร์ ไม่มีค่าในประเทศของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะว่า ใน เอเอฟเอที มีพวกแค่สมัครเล่นมาก ที่มีสิทธิ์ออกเสียง การขอการช่วยเหลือ สนับสนุนนักดาบเป็นไปอย่างไม่อาจจะรู้ได้ ในขณะที่ยกตัวอย่างเช่น นักฟันดาบหญิง นั้นมีใบอนุญาต จาก เอฟไออี ถึง 2 ใบ สำหรับฤดูกาลแข่งขันหน้า แต่สำหรับ วิลลี่ และ ปานจันทร์ นั้นกลับยังไม่มีการยื่นคำร้องขอ การแก้ปัญหานี้แบบฉับพลันก็คือ เอเอฟเอที และ เอ็นโอซี ของ ประเทศไทย จะต้องให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ นักกีฬาทั้งสองคนนี้แบบเต็มที่ หรือว่า ราชอาณาจักร สยาม มองข้ามความหมายอย่างเจตนา ของการที่จะส่ง นักดาบทั้งสองคนนี้ ไปร่วมลงเข้าแข่งขัน โอลิมปิก เพราะนอกจากทั้งสองคนนี้แล้ว ก็ไม่มีชาวไทยคนไหน ที่จะมีโอกาสที่ดี สามารถบินไปลงแข่งขัน ที่ กรุงเอเธนส์ ได้ ถึงแม้เจ้าหน้าที่บางคนจะพูดเป็นอย่างอื่นก็ตาม สิริโรจน์ รัตน์ประเสริญ ติดอยู่ อันดับที่ 392 ของรายชื่ออันดับโลก จากนั้นป้ายรายชื่ออันดับโลกก็แสดงแค่รีสที่ว่างเปล่า มีแค่เพียง ประเภทนักฟันดาบเท่านั้น ต้องขอบคุณ การแข่งขัน เวิร์ลคัพ ใน กรุงเทพฯ ครั้งนั้นที่ช่วยให้ ได้เข้ามาติดอยู่ อันดับที่ 113 - 269 กับการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียก็เช่นกัน นักดาบชาวไทยที่ยังไม่เชี่ยวชาญพอ ไม่มีใครได้ผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายหรือแม้แต่ในรอบ 8 คนสุดท้ายเลยนอกจาก โคธนี่ มันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดของ เอเอฟเอที ที่ไปนำ การแข่งขันฟันดาบชิงแชมป์โลก มาแข่งขันกันที่ กรุงเทพฯ มันเป็นการกระตุ้นเพราะสิ่งที่จะเหลืออยู่อีกนานคือการเสริมสร้างนักดาบรุ่นใหม่ เช่นเดียวกันกับที่ สมคิด พงษ์อยู่ กับ นักดาบลูกศิษย์ของเขาที่ได้ทำกันอยู่ และ ถ้า เอเอฟเอที ต้องการเปลี่ยนทำให้รายชื่ออันดับของประเทศให้ใหม่ ทุกคนก็จะมองกันเห็น