บ้านบางสัก: เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2007 ได้มีการส่งมอบโครงการบ้านบางสักของสมาคม วิลลี่ ให้กับพวกชาวบ้าน การรายงานในส่วนต่อจากนี้ จะเป็นทำให้เห็นว่าโครงการต่างๆนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป เพียงแค่แมวเท่านั้นที่ไม่มี: อาจจะเนื่องมาจากพวกแมวถูกสุนัขกัดตาย หรือไม่ก็หลบซ่อนผู้คน แต่ทุกอย่างที่เก่ียวกับชาวเล การหาปลา ที่หมู่บ้านบางสัก ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดมหาสมุทรอันดามัน มีให้ดูหมดท่ีหมู่บ้านมีบ้านปูน 30 หลัง ซึ่งนักกีฬาเหรียญรางวัลโอลิมปิก อย่าง วิลลี่ โคธนี่ และ เงินบริจาคช่วยเหลือจากทางประเทศเยอรมันนี ได้เข้ามาช่วยเหลือพวกชาวบ้านหลังจากเหตุการณ์คลื่นทสึนามิ สำหรับพวกชาวบ้านแล้ว เป็นการสร้างบ้านที่หรูหรา เพราะว่าก่อนหน้าที่จะเกิดคลื่นทสึนามินั้น พวกเขาอาศัยอยู่อย่างเรียบง่าย กับต้นปาล์ม และกระท่อมเล็กๆ ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่การดำเนินชีวิต:ทุกวันพวกชาวประมงจะออกจากหมู่บ้านก่อนที่ไก่จะขัน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดผ่านต้นปาล์ม พวกเด็กๆไปโรงเรียน พวกพ่อๆของเขาก็ได้ดึงอวนออกจากทะเลแล้ว และพวกเขาก็ต้องทำใจว่า การหาปลานั้น หายากขึ้นทุกปี เมื่อพวกเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็น พร้อมกับปลาหนึ่งถัง แต่ปลาพวกนี้ก็พอแค่เป็นอาหารเย็นหนึ่งมื้อ และก็นำ้มันหนึ่งถังสำหรับการออกไปหาปลาในวันรุ่งขึ้นด้วยเรือหางยาว เผื่อพวกเขาจะโชคดีในครั้งต่อไปและเมื่อพวกเขาสามารถหาปลาได้มาก และสามารถขายเป็นเงินได้เยอะ พวกเขาก็จะเก็บเงินส่วนนี้ เอาไว้สำหรับเป็นค่าซ่อมเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์เสียในวันข้างหน้าพวกชาวบ้านบางคนก็หางานอื่นทำ แทนที่จะออกเรือหาปลา พวกเขารับรีดยาง ตามสวนอย่างต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ได้เงินเป็นวันต่อวัน พวกเขาได้รับค่าตอบแทน 3 ยูโร ต่อวัน ซึ่งเป็นเงินที่พวกเขาได้แน่นอน และเงินจำนวนนี้ก็พอที่จะซึ้อข้าวหนึ่งหม้อ ผัก และเครื่องเทศ ส่วนพวกผู้หญิงที่อยู่บ้านก็จะออกไปหาหอยตามชายหาด เพื่อที่เอามาทำเป็นอาหารเย็นไม่เป็นที่หน้าแปลกใจ ที่ไม่มีพวกชาวบ้านคนใหนอ้วน รวมถึงเข้าของฝูงวัว ที่ออกตามหาวัวของเขาในตอนกลางคืน พวกเขานั้นไม่มีใครอ้วนเลยแต่การใช้ชีวิตของพวกชาวบ้านจะดีขึนกว่าเดิม จากเงินบริจาคช่วยเหลือของชาวเยอรมันนี และชาวสวิตเซอร์แลนด์ วิลลี่ โคธนี่ ไม่ได้ช่วยพวกชาวเล ได้มีที่พักอยู่อาศัยอย่างเดียว เขายังต้องการให้พวกชาวบ้านมีอนาคตที่ดีกว่านี้ รีสอร์ทเล็กๆ ที่มีห้องพัก 14 ห้อง ควรจะเป็นที่พานักท่องเที่ยวมายังหมู่บ้าน สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการใช้ชีวิตของพวกชาวเล หรือมอร์แกน ซึ่งเป็นชื่อที่พวกเขาใช้เรียกตัวเอง เมื่อเทียบกับเงินยูโรแล้ว เพียงแค่ 5 ยูโร พวกนักท่องเที่ยวที่สนใจการออกหาปลา ก็สามารถออกเรือหาปลากับพวกชาวบ้านได้ และยังสามารถช่วยลากแหและดึงอวนอีกด้วย พอตกตอนเย็นก็จะนำปลาที่หามาได้ มาย่างเป็นอาหารเย็นชื่อของรีสอร์ทก็คือ มอร์แกนฮอร์ลิเดย์ ซึ่งอยู่ใจกลางของหมู่บ้านชาวประมง บ้านบางสัก ทางรีสอร์ทยังมีห้องสำหรับการพักร้อนอย่างตามสวนชาวไร่ชาวนา ต่างกันแค่อยู่ต้ายต้นปาล์ม ในราคาย่อมเยาที่ 10 ยูโร ต่อวันซึ่งเป็นห้องสองเตียง"บ้านวิลลี่" ซึ่งอยู่หว่างหมู่บ้านกับบังกาโลว์ จะเป็นจุดกลางที่พวกนักท่องเที่ยวและพวกชาวบ้านได้ใกล้ชิดทำความรู้จักกัน และเป็นที่สำหรับพวกผู้ใหญ่ได้เรียนเพิ่มเติม อย่างเช่น เรียน 1x1 และเรียนพยัญชนะ เนื่องจากว่า ชาวมอร์แกนหลายคนไม่สามารถอ่านและเขียนได้ ซึ่งตรงส่วนนี้จะต้องเปลี่ยน พวกเขาซึ่งเป็นส่วนน้อย ควรที่จะมีโอกาศในสังคมมากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้คิดถึงแค่ทางเดียว พวกชาวมอร์แกนยังมีบางอย่างที่จจะบอก ก็คือ การใช้ชีวิตนั้นจะต้องสอดคร้องกับธรรมชาติ ความรู้ที่ทางโลกผู้นำจะต้องเรียนรู้ใหม่อีกครั้งสำหรับคนที่ให้ความสนใจ จะเห็นได้ว่า พวกแมวในหมู่บ้านจะออกมาเดินให้เห็น ก็ต่อเมื่อพวกสุนัขนั้นหล้บ ซึ่งพวกสัตย์นั้นใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ที่กำหนดเอาไว้ แต่สำหรับสัตย์ที่จะเอามากอดนั้น ในหมู่บ้านชาวประมง ที่มหาสมุทรอันดามัน ไม่มี